ศุนย์บริการ

ตัวแทนจำหน่าย ศูนย์ซ่อม และ บริการ : เครื่องเสียงกลางแจ้ง ตู้ลำโพงPA โทรโข่ง ไมโครโฟน ไมโครโฟนไร้สาย ไมค์ลอย ลำโพงฮอร์นศูนย์รวมอุปกรณ์ เซตระบบ เครื่องเสียงกลางแจ้ง Power Mixer ลําโพงคาราโอเกะ ลำโพงห้องประชุม ชุดประชุม และ เสียงตามสาย

ศูนย์จำหน่าย ขายอุปกรณ์ เครื่องเสียง เครื่องเสียงกลางแจ้ง ราคาเครื่องเสียง เครื่องเสียงห้องประชุม Power amp speaker เครื่องเสียงบ้าน ราคาเครื่องเสียงกลางแจ้ง ราคาลำโพง ตู้ลำโพงแขวนผนัง หลายๆ ยี่ห้อ ตู้ลำโพงกลางแจ้ง เครื่องเสียง PA เครื่องเสียง ตู้ลําโพง กลางแจ้ง ห้องประชุม Mixer มิกเซอร์Power Mixer เพาเวอร์มิกเซอร์ Mixer มิกเซอร์ แบบอนาลอก มิกเซอร์แบบดิจิตอล ขายลำโพง ตู้ลำโพง ลำโพง PA ตู้ลำโพง พกพา Portable PA เครื่องเสียงพกพา เครื่องขยายเสียง ตู้ลำโพงพร้อมเครื่องขยายเสียง โทรโข่ง ไมโครโฟน ไมโครโฟนไร้สาย ไมค์ลอย ลำโพงฮอร์น ศูนย์รวมอุปกรณ์ ระบบเสียงกลางแจ้ง ระบบ เครื่องเสียงกลางแจ้ง PA Mixer เครื่องเล่นคาราโอเกะ ลำโพงห้องประชุม ชุดประชุม อีกทั้งยังเป็น ตัวแทนจำหน่ายเครื่องเสียง หลากหลายยี่ห้อ อีกทั้งยังมีบริการ รับออกแบบ ติดตั้งระบบเสียง ร้านเครื่องเสียง ศูนย์รวมเครื่องเสียงคุณภาพสูง ตัวแทนจำหน่ายเครื่องเสียงนำเข้า เครื่องเสียงกลางแจ้ง ตู้ลําโพง กลางแจ้ง ปรับแต่ง เครื่องเสียง ติดตั้งเครื่องเสียงห้องประชุม ติดตั้งเครื่องเสียง เครื่องเสียงในสำนักงาน ห้องประชุม เครื่องเสียงในห้องประชุม Conference Systems ระบบประกาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า งานประมูล งานราชการ เครื่องเสียงระบบประกาศ ระบบประกาศ ระบบเสียงตามสาย เครื่องเสียง pa เครื่องเสียงกลางแจ้ง ชุดเคลื่อนย้ายแบบต่างๆ ติดต่อทางเราได้ทีนี่

ประดิษฐ์เจริญ เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส 084-342-9222,097-042-9448




วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตู้ลำโพง สีขาว P.Audio
Commercial I

เสียงดัง ฟังชัด

เซต เครื่องช่วยสอน

เครื่อง TOA -A2030

ไมโครโฟน AVINA - AS 58s

พร้อมติดตั้ง

ไมค์ เสียงดี ราคาย่อมเยา

บริการหลังการขาย ติดตั้งพร้อม

มีเจ้าหน้าที่ชำนาญการ คอยแนะนำสินค้าหลังการขาย ตลอดอายุการใช้งาน

อธิบายการใช้งานอย่างถูกวิธี

พร้อมใช้

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ระบบเสียง งานปราศรัย การเลือกตั้ง ปี 2554 พรรคประชาธิปัตย์

บรรยากาศภาพจากมุมบน ผู้คนคับคั่ง

กรณ์ จาติกวณิช

เวที

ไฟ

เวที แสง เสียง


Control

ระบบภาพ 

ระบบถ่ายทอด





นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

พรรคประชาธิปัตย์

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สินค้าโปรโมชั่น เดือน มิถุนายน 2554



สินค้า โปรโมชั่น ประจำเดือน มิถุนายน 2554
ไมโครโฟน AVINA รุ่น AS-58S
ซื้อ 1 แถม 1
ราคา 899 บาทเท่านั้น
สินค้า มีจำนวนจำกัด




การสั่งซื้อสินค้ามี 3 วิธี
1.สั่งซื้อทาง อีเมล์
·        แจ้งรุ่นที่ท่านต้องการ พร้อมที่อยู่ของท่าน ที่ E-mail : praditcharoen.chon@gmail.com
·        แจ้งชื่อ และ เบอร์ติดต่อ ผ่านทาง http://www.facebook.com/praditcharoen.chon  ทางเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไป
2.สั่งซื้อทางโทรศัพท์
·        ในกรณีที่ท่านไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ต แต่ต้องการที่จะสั่งซื้อสินค้าของเรา ท่านสามารถสั่งซื้อทางโทรศัพท์ได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 038-715575 เวลาทำการ จันทร์ – เสาร์  เวลา 09:00 น. - 17:00 น.
3.สั่งซื้อทางโทรสาร
·        ท่านสามารถสั่งซื้อทางโทรสารได้ โดยพิมพ์ รายการสินค้าที่ต้องการสั่งซื้อแล้วส่งโทรสารมาที่ หมายเลข 038-715644

การชำระเงิน
·        โอนเงินผ่านธนาคาร
·        ธนาคาร กรุงไทย สาขา สามแยก อ่างศิลา (บัญชี ออมทรัพย์)
ชื่อบัญชี : หจก.ประดิษฐ์เจริญเซลล์ แอนด์ เซอร์วิส 
เลขที่บัญชี :376-001386-4

การจัดส่ง (ไม่มีค่าธรรมเนียมจัดส่ง)
·        เมื่อตรวจสอบการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว สินค้าจะถูกจัดส่งทันทีที่การชำระเงินถูกต้อง
·        ทีมงานจะแจ้งหมายเลข EMS ให้ท่านทราบเพื่อที่จะสามารถตรวจสอบการขนส่งได้
http://track.thailandpost.co.th/trackinternet/Default.aspx
·        ท่านจะได้รับสินค้าภายใน 1-3 วันนับจากวันที่ส่งสินค้า

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิธีการเลือกซื้อไมโครโฟน

คุณจะนำไมโครโฟนไปใช้ทำอะไรครับ ? ขยายเสียง บันทึกเสียง สัมภาษณ์ ร้องเพลง อัดรายการ หรือ อัดเสียงแบบมืออาชีพ
ไมโครโฟนมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ดังนั้นเพื่อให้คุณซื้อไมโครโฟนได้ถูกใจ และตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด ไม่ให้
คุณต้องเสียเงิน เสียเวลา เสียของโดยใช่เหตุ ก่อนซื้อไมโครโฟนลองศึกษาข้อมูลพื้นฐานกันก่อนดีกว่าครับ

ในเรื่องของไมโครโฟนจะมีสองส่วนใหญ่ ส่วนแรกคือวิธีเลือก(choosing) กับวิธีวาง(placing)
ซึ่ง ทั้งสองส่วนมีความสำคัญมากไม่แพ้กันครับ ถ้าเข้าใจสองส่วนนี้แล้วก็สามารถพูดได้เลยว่าทำงานบันทึกเสียงโดยใช้ ไมโครโฟนได้อย่างมีชั้นเชิง

ในตอนนี้เราจะมาว่ากันถึงส่วนแรกก่อนคือวิธีเลือก (choosing)
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับไมโครโฟนซักนิดก่อนครับ

ไมโครโฟน เป็นอุปกรณ์บันทึกเสียงชนิดหนึ่งที่ไม่ได้ทำให้เสียงดังขึ้น ขอย้ำว่าไม่ได้ทำให้เสียงดังขึ้น พอพูดถึงเรื่องนี้หลายคนเริ่มสงสัยว่าทำไมพูดอย่างนั้น คือลองดูที่ชื่อของมันสิครับ Microphone (Micro แปลว่าเล็ก Phone แปลว่าเสียง Microphone น่าจะแปลว่าเสียงเล็กๆถ้าแปลแบบกำปั้นทุบดินไม่เห็นมีการพูดถึงการขยายเสียง เลย)

การทำงานของไมโครโฟนตัวมันก็ไม่มี แอมปลิฟลายน์ในตัวซักหน่อย ที่จะมาขยายเสียงได้ คราวนี้ให้ลองสังเกตดูที่สายที่ต่อออกจากไมโครโฟนมันจะเป็นสายเคเบิลที่ทำ ด้วยทองแดง ลองถามตัวเองดูเล่นๆนะครับว่าเสียงสามารถอยู่ในทองแดงแล้ววิ่งไปมาได้หรือ คำตอบคือเสียงไม่สามารถอยู่ในทองแดง แล้ววิ่งไปมาตามที่เราต้องการได้ครับ แต่นี่ละครับเป็นหน้าที่ของเจ้าไมโครโฟนที่จะทำให้เสียงวิ่งอยู่ในลวดทองแดง ได้ เพราะสิ่งที่จะวิ่งอยู่ในลวดทองแดงหรือพวกสายเคเบิลได้คือไฟฟ้าครับ ซึ่งเจ้าไมโครโฟนจะเปลี่ยนสัญญาณเสียงที่มันได้รับเป็นสัญญาณไฟฟ้า พอเสียงกลายเป็นสัญญาณไฟฟ้าก็วิ่งไปมาในระบบได้เต็มที่เลยครับและสุดท้าย สิ่งที่จะเปลี่ยนไฟฟ้ากลับมาเป็น เสียงอีกครั้งเพื่อให้เราได้ยินก็คือลำโพงนั่นเองเพราะฉะนั้นไมโครโฟนกับ ลำโพงส่วนประกอบของมันจริงๆแล้วหลักการก็คล้ายกันมากเพียงแต่ต่อมันกลับหัว กลับหางเท่านั้นเอง

ดังนั้นถ้าเราเอาไมโครโฟนมาตัวหนึ่งแล้วลองพูด ดูถ้าเป็น Dynamic Microphone (ไมโครโฟนที่ทำงานโดยไม่ต้องใช้ไฟ) มันจะมีไฟออกมาทางก้นไมโครโฟนทันทีแต่ไม่ต้องกลัวถูกไฟดูดหรอกครับเพราะขนาด ไฟที่ออกมามีขนาดน้อยมากๆไม่มีทางดูดใครได้

บางท่านอาจจะแย้งว่าเคยถูกไมโครโฟนดูดเป็นประจำเวลาเอาปากไปร้องใกล้ๆ


อัน นั้นไม่ใช่ไฟที่ออกมาจากไมโครโฟรครับมันมักจะเป็นไฟที่รั่วมาจากอุปกรณ์ ตัวอื่นๆมากว่า เช่น พวกพาวเวอร์แอมป์เป็นต้น สัญญาณที่ได้จากไมโครโฟนนั้นยังไม่พร้อมที่จะนำไปบันทึกเสียงหรือออกกระจาย เสียงครับเนื่องจากสัญญาณมันเบามาก ต้องมีตัวขยายเสียงอีกทีหนึ่งไอ้เจ้าตัวที่มาขยายสัญญาณจากไมโครโฟนก็คือ ปรีไมโครโฟน ( Pre Microphone Amplifier ) เมื่อสัญญาณที่ได้จากไมโครโฟนถูกขยายแล้วก็สามารถลงไปซาวด์การ์ดได้เลยหรือ พูดง่ายๆคืออัดได้เลยครับ

ปรีไมโครโฟนนี้มีหลายที่ครับ ซาวด์การ์ดบางรุ่นก็มี (ช่องที่ให้เสียบไมค์นั่นละครับคือปรีไมค์) มิกซ์เซอร์ก็มีครับแต่ถ้าจะให้คุณภาพดีที่สุดควรจะเป็นปรีไมค์ที่เป็นแร็ค อยู่ด้านนอกครับคุณภาพก็ตามราคา




หลังจากที่พูดถึงการ ทำงานของไมโครโฟนเบื้องต้นมาพอสมควรแล้วผมขออนุญาติ แบ่งไมโครโฟนออกเป็น 2 ประเภทเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจแล้วกันนะครับ

1.Dynamic Microphone
เป็น ไมโครโฟนที่ไม่ต้องใช้ไฟคือตัวมันเสียบเข้าปรีไมค์แล้ว Boost เสียงก็ดังทันทีเลย ธรรมชาติของไมโครโฟนประเภทนี้มักจะไม่ค่อยไว เหมาะสำหรับจับเสียงตู้แอมป์กีตาร์ แอมป์เบส เสียงกระเดื่อง กลองทอม ไม่นิยมที่จะใช้จับ Ambient (บรรยากาศห้อง) , เสียงร้อง , เสียงกีตาร์อคูสติคหรือเครื่องอคูสติค ทั้งหลายเนื่องจากไม่ไวพอ ยกเว้นเครื่องเป่าบางขนิดที่เสียงดัง เช่น แซ็คโซโฟน , ทรัมเป็ต ส่วนพวกฉาบและไฮแฮท (เครื่องทองเหลือง) ไม่นิยมจับด้วย Dynamic Microphone เนื่องจากไมโครโฟนกลุ่มนี้ไม่ค่อยตอบสนองย่านความถึ่ช่วงสูงได้ดีนัก


2.Condenser Microphone
อัน นี้เป็นไมโครโฟนที่ต้องใช้ไฟครับ แต่มันจะใช้ไฟเพียงแค่ 48 volt เราจะเรียกว่า Phantom (หรือใช้สัญลักษณ์ +48V) ซึ่งหากจะใช้ไมโครโฟนประเภทนี้ต้องมี ไอ้เจ้าไฟ +48 V ด้วยครับ ซึ่งไมโครโฟนที่ใช้ไฟพวกนี้จะมีความไวสูงมากครับคือเสียงเบาๆมันก็รับไปหมด ซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียครับ คือ มันจะให้รายละเอียดที่มากและยังสามารถรับความถี่สูงได้ดีอีกด้วย สามารถเอามาจับบรรยากาศห้องก็ได้เพราะมันไวพอ หรือจะเอามาจับเครื่องอคูสติกก็เยี่ยมครับ แต่ข้อควรระวังก็มีครับคือเนื่องจากความไวของมันนั่นเองทำให้ไม่เหมาะที่จะ นำไปใช้กับสถานที่ที่มีเสียงรบกวนสูง และไม่สามารถที่จะนำไปวางใกล้ๆกับอุปกรณ์ดนตรีที่มีเสียงดังมากๆได้ เช่นพวกตู้แอมป์ต่างๆ (แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สามารถจับตู้กีตาร์ได้นะครับเพียงแต่ต้องระวัง เป็นอย่างมากและต้องรู้เทคนิคเล็กน้อย)

หลังจากที่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดของไมโครโฟนแล้วมีอีกเรื่องที่สำคัญ มากๆต่อการเลือกใช้ไมโครโฟน คือ ขนาดของ Diaphragm (คือ ขนาดของแผ่นรับเสียงที่ไมโครโฟน ต้องขออภัยครับที่ไม่สามารถแปลคำว่า Diaphragm เป็นภาษาไทยได้เพราะไม่ทราบจริงๆว่ามันแปลเป็นไทยว่าอะไรถ้าท่านใดทราบก็ เมลล์มาบอกกันได้นะครับ) ไมโครโฟนที่ Diaphragm ใหญ่ (Large Diaphragm) จะตอบสนองต่อความถี่ต่ำได้ดีกว่า ไมโครโฟนที่ Diaphragm เล็ก (Small Diaphragm) ส่วนความถี่สูง Diaphragm เล็กจะตอบสนองได้ชัดเจนกว่าแต่ Diaphragm ใหญ่ก็ตอบสนองได้ครับ แต่เนื่องจาก Diaphragm ใหญ่จะให้ความถี่ต่ำด้วยบางครั้งเลยทำให้ดูเหมือนว่ามันตอบสนองความถี่สูง ได้ไม่ชัดเจนเท่า Diaphragm เล็ก สรุปว่าสำหรับความถี่ต่ำ สมควรถูกจับด้วย Diaphragm ใหญ่เท่านั้น ส่วน ความถี่สูงจะจับด้วย Diaphragm เล็กก็ได้ใหญ่ก็ได้แต่จะได้สำเนียงต่างกัน

ขอสรุปการเลือกใช้ ไมโครโฟนตามมาตรฐานตามขนิดเครื่องดนตรีเพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อเลือกใช้ (ไมโครโฟนที่ยกเป็นตัวอย่างเป็นไมโครโฟนที่ทั่วโลกนิยมใช้กัน บางตัวราคาอาจสูงมากลองเอาชื่อไมโครโฟนเหล่านี้ไป Search ดูเล่นก็ได้ครับจะเห็นรายละเอียดอีกมากมาย)

- LEISE ควรจับด้วย Dynamic Microphone รุ่นที่นิยมได้สุดที่รัก LEISE - TS-988  ,  LX-98II
- Bass Drum ควรจับด้วย Large Diaphragm Dynamic Microphaone รุ่นที่นิยมได้สุดที่รัก AKG D112 , Electrovoice RE20 , Shure
- Snare ควรจับด้วย Dynamic Microphone รุ่นที่นิยมได้สุดที่รัก Shure SM57
- Tom ควรจับด้วย Large Diaphragm Dynamic Microphone รุ่นที่นิยมได้สุดที่รัก Sennheizer MD421 (สำหรับ Tom ใบเล็กบางท่านอาจนิยมจับด้วย Shure SM57 สำหรับ Floor Tom บางท่านอาจนิยมจับด้วย Electrovoice RE 20)
- Hihat ควรจับด้วย Condensor Microphone รุ่นที่นิยมได้สุดที่รัก AKG 414 , AKG 451 , Neumann KM 184
- Overhead ควรจับด้วย Condensor Microphone รุ่นที่นิยมได้สุดที่รัก Neumann U 87 , Neumann KM 184 , AKG 451
- Amp Bass ควรจับด้วย Large Diaphragm Microphone จะเป็น Dynamic หรือ Condensor ก็ได้ แต่ถ้าเป็น Condensor ควรจะวางห่างออกมาซักประมาณ 1 ฟุต รุ่นที่นิยมได้สุดที่รัก Electrovoice RE 20 , AKG D112 , Neumann U 87 , AKG C12

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การเลือกสรรระบบลำโพงสำหรับโฮมเธียเตอร์



เลือกสรรระบบลำโพงสำหรับโฮมเธียเตอร์ * ** ขอแนะนำว่า โปรดให้ความสำคัญกับการเลือกสรรระบบลำโพงที่เป็นแบบ (TYPE) เดียวกัน และมาจากยี่ห้อ ( BRAND ) เดียวกัน สำหรับระบบ ลำโพงคู่หน้าและ เซ็นเตอร์แชนแนล เพื่อสร้างความกลมกลืนกันของเสียง รวมถึงซาวนด์สเตจ และ อิมเมจที่ไร้ตะเข็บ รอยต่อ**

ตำแหน่งอันเหมาะสมของการติดตั้งระบบลำโพง

เซนเตอร์ แชนแนล นั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบของระบบจอภาพที่ใช้อยู่ หากเป็นระบบทีวี การวางลำโพงเซนเตอร์ แชนแนลไว้บนตัวเครื่อง ระบบทีวี ก็ดูจะเหมาะสม แต่บางทีก็มีผู้นิยมติดตั้งไว้ใน ตำแหน่งใต้ตัวเครื่องของระบบทีวี ซึ่งก็ไม่มีปัญหาแต่ประการใด ทีนี้หากเป็น ระบบจอภาพที่ฉายจากโปรเจ๊กเตอร์ ก็ขอแนะนำว่าตำแแหน่งติดตั้งเซนเตอร์แชนแนล ต้องอยู่บริเวณกึ่งกลางด้านล่างใต้จอภาพ จะเหมาะสมที่สุด
ระบบลำโพงคู่หน้า นับว่ามีความสำคัญ ตำแหน่งติดตั้งขอให้คำนึงเสมือนการตั้งวางระบบลำโพง เพื่อการฟังเพลง หากแต่มีข้อแนะนำ เพิ่มเติมโดยเฉพาะอีกสักนิดว่า มิควรตั้งวางให้ระบบลำโพงคู่หน้า อยู่ในแนวระนาบเดียวกับลำโพงเซนเตอร์ แชนแนล ควรตั้งวางให้อยู่ ในแนวล้ำหน้าออกมาสักนิด อีกทั้งระยะความห่างหรือความสูงของระบบลำโพงคู่หน้ากับเซนเตอร์ แชนแนลก็มิควร จะมากกว่า 60 ซม. เมื่อวัดจากตำแหน่งทวีตเตอร์เหมือน ๆ กัน นอกจากนี้ขณะนั่งฟังก็มิควรให้ตำแหน่งทวีตเตอร์ อยู่สูงกว่าระดับหูของผู้ฟังด้วย
ระบบลำโพงเซอร์ราวนด์ สามารถทำการติดตั้งได้ทั้งบริเวณผนังด้านข้าง และบริเวณผนังด้านหลัง แต่ขอให้พึงระวังถึงเรื่องของระยะความสูงของการติดตั้งไว้สักหน่อยว่า ไม่ควรให้ลำโพงเซอร์ราวนด์อยู่สูงขึ้นไปน้อยกว่า 60 ซม. เหนือระดับหูของผู้ฟังขณะนั่งฟัง เมื่อวัดจากผนังด้านล่าง ( ก้น ) ของตู้ลำโพงเซอร์ราวนด์ อีกทั้งก็มิควรให้ตัวตู้ลำโพงเซอร์ราวนด์ ติดตั้งอยู่ใกล้กับฝ้าเพดาน จนเกินไปนัก ควรมีระยะสัก 15 ซม. เป็นอย่างน้อย เมื่อวัดจากผนังด้านบนของตัวตู้ลำโพง
ในการติดตั้งตัวลำโพงเซอร์ราวนด์ ณ ตำแหน่งผนังด้านหลังนั้น ก็มิควรให้อยู่เลยกว่าระยะ 2 เมตร จากแนวตำแหน่งนั่งฟังด้วย เช่นกัน

ลำโพงซับวูฟเฟอร์




เนื่องจากความถี่เสียงต่ำนั้นไร้ทิศทางในการกระจายเสียง ดังนั้นตำแหน่งตั้งวางซับวูฟเฟอร์ จึงแทบจะไม่มีข้อกำหนด คือ จะตั้งวางตรงไหน ก็ได้ตามที่เราต้องการ แต่ก็ขอแนะนำว่า หากในคู่มือการใช้งานของซับวูฟเฟอร์ ระบุมาเป็นเช่นไร ก็ขอให้ปฏิบัติตามนั้น เถิดจะเกิดผล ( ที่ดีที่สุด )

การปรับตั้ง ค่าการทำงานให้เหมาะสมกับขนาดของระบบลำโพงที่ใช้

เลือก " LARGE " ในกรณีที่ระบบลำโพงที่ใช้ สามารถตอบสนองความถี่เสียงต่ำได้ต่ำกว่า 100 Hz
เลือก " SMALL" ในกรณีที่ระบบลำโพงที่ใช้ ไม่สามารถตอบสนองความถี่เสียงต่ำได้ต่ำกว่า 100 Hz
ในกรณีที่เลือกปรับการตั้งค่าการทำงานของระบบลำโพงไว้ที่ " SMALL " เครื่อง AVR 45 จะทำการจ่ายสัญญาณความถี่ เสียงต่ำทั้งหมด ออกสู่ลำโพง ซับวูฟเฟอร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระการทำงาน ของระบบลำโพงที่มีขนาดเล็ก ดังนั้นหากมิได้ทำการต่อลำโพงซับวูฟเฟอร์ ให้ทำงาน ก็จะมิอาจได้ยินความถี่เสียงต่ำนี้ ออกมาให้ได้ยินเลย
DIGITAL AUDIO PLAYBACK
DOLBY DIGITAL หรือ AC - 3
ให้ทำการเชื่อมต่อสัญญาณดิจิตอลจาก ดีวีดี ผ่านทางช่อง " AC - 3 / PCM COAXIAL " หรือช่อง " OPTICAL " แล้วจึงทำการ เลือกช่อง สัญญาณ DIGITAL INPUT ว่าเป็น " COAXIAL " หรือ " OPTICAL " จากนั้นเครื่อง AVR -45 จะทำการตรวจสอบ สัญญาณที่เข้ามาว่า เป็น DOLBY DIGITAL หรือ PCM โดยอัตโนมัติ
สัญลักษณ์ของการแยกแชนแนลในระบบ DOLBY DIGITAL มีดังนี้
3/2.1 หมายถึงการแยกสัญญาณเซอร์ราวนด์สมบูรณ์แบบของระบบ DOLBY DIGITAL ซื่งในแต่ละแชลแนล จะมีความเป็นอิสระ ต่อกัน ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น 3 แชนแนลหน้า ( ระบบลำโพงคู่หน้า และ เซนเตอร์แชนแนล ) 2 แชนแนลหลัง ( เซอร์ราวนด์แชนแนล ) รวมถึง .1 แชนแนล ( ซับวูฟเฟอร์ หรือ LFE )
3 / 1 หมายถึงการแยกสัญญาณเซอร์ราวนด์ของระบบ DOLBY DIGITAL ที่จะเหมือนกับรูปแบบ การแยกสัญญาณเซอร์ราวนด์ แบบ DOLBY PRO - LOGIC ( 3 แชนแนลหน้าและ สัญญาณโมโน สำหรับเซอร์ราวนด์แชนแนล )
2 / 0 หมายถึง การแยกสัญญาณเซอร์ราวนด์ของระบบ DOLBY DIGITAL ที่จะมีเฉพาะสัญญาณสเตอริโอ ออกสู่ระบบลำโพง คู่หน้า ซ้าย - ขวา เท่านั้น ไม่มีสัญญาณเซอร์ราวนด์และ LFE
1 + 1 แสดงถึงว่า สัญญาณที่จะป้อนออกสู่ระบบลำโพงคู่หน้า นั้นเป็นสัญญาณโมโน มิใช่สเตริโอ และ จะไม่มีสัญญาณเสียง ป้อนออกสู่ลำโพงคู่ใด ๆ นอกจากนี้
1 / 0 แสดงถึงว่า สัญญาณที่จะป้อนออกสู่ระบบลำโพงนั้นเป็นสัญญาณโมโน และจะป้อนออกสู่เฉพาะเซนเตอร์แชนแนล เท่านั้น
แผนผังการเลือกระบบเซอร์ราวนด์


N I G H T M O D E
ในกรณีที่รับชมภาพยนตร์ระบบ DOLBY DIGITAL ในยามค่ำคืนอาจส่งผลรบกวนเพื่อนบ้านได้ ดังนั้นการเล่นด้วย "NIGHT MODE" จะช่วยลด ความดังของ สัญญาณสูงสุด ( PEAK ) ให้ต่ำลงมาโดย อัตโนมัติ ทว่าจะไม่สูญเสียรายละเอียด ของสัญญาณเสียงใด ๆ ลงไป
P C M
นี่คือรูปแบบสัญญาณดีจิตอล ที่มิได้มีการบีบอัดสัญญาณข้อมูลเหมือนอย่าง DOLBY DIGITAL นั่นเอง สัญญาณข้อมูลดิจิตอลของ CD หรือ LD ก็คือข้อมูล PCM นี้นั่นเอง

ที่มา : http://www.wijitboonchoo.com/2008/index.php

ฟังดนตรีก่อนเล่นเครื่องเสียง

ฟังดนตรีก่อนเล่นเครื่องเสียง

เมื่อพูดถึง "เครื่องเสียง" ก็จะมีคนจำนวนหนึ่ง ไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายของคำคำนี้กันนัก ทั้ง ๆ ที่ชีวิตประจำวันของผู้คนนั้น หาได้หลีกพ้นจากเครื่องเสียงไม่ บางทีก็มีการเข้าใจไขว้เขวไปหลายเรื่อง บ้างนึกถึงเครื่องเสียงในบาร์ ผับ ดิสโกเธค หรือไม่ก็นึกถึงเครื่องเสียงอิเล็กทรอนิกส์แถวบ้านหม้อ ส่วนกลุ่มที่เป็นนักเล่นเครื่องเสียงในบ้านที่เรียกว่าโฮมออดิโอ (HOME-AUDIO) นั้น มีความเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
ความคลุมเครือของเครื่องเสียงนั้น เกิดจากมีวิทยาการหลาย ๆ แขนง เข้าไปผสมผสานในตัวของมัน เลยดูยุ่งยากเกินกว่าที่คนไม่สนใจด้านนี้จะทำความเข้าใจได้ แท้จริงแล้ว การออกแบบเครื่องเสียงให้นำมาใช้ในบ้านเนื่อง ด้วยจุดประสงค์หลักก็คือ
คืนเสียงดนตรีธรรมชาติมาสู่ผู้นิยมฟังดนตรี - เพลง !!

มีจำนวนมากมายเหลือจะนับได้ เมื่อพูดถึงคนที่จ่ายสตางค์ซื้อเครื่องเสียง 1ชุด แล้วต้องทนทุกข์อยู่กับระบบเครื่องเสียงที่ไม่เข้าท่าตลอดเวลา อย่างนี้เขาเรียกฟังเพลงด้วยความเป็นทุกข์ เครื่องเสียงประเภทคอมโปเน้นท์ที่วางขายเกลื่อนตลาดอยู่นั้น เกิน 90 เปอร์เซ็นต์ดีแต่สวย ส่วนเสียงนั้นยังห่างความเป็นดนตรีอีกแยะ ซึ่งในการเล่นเครื่องเสียงแบบที่นักเล่นเครื่องเสียงเขาเล่นกัน คนพวกนี้จะมีคำศัพท์เฉพาะกลุ่ม ที่เขาเรียกกันว่า พวกออดิโอไฟล์ (AUDIOPHILE) หรือนักเลงเครื่องเสียง (พวกคลั่งเครื่องเสียงนั่นแล้ว) ดู ๆ ไปก็เหมือนพวกนักเลงพระเครื่อง นักเล่นปืน ซึ่งมีเทคนิคพิเศษเฉพาะกลุ่ม ทั้งคำศัพท์เฉพาะและวิธีการเล่น ทีนี้พอคนที่อยากจะมีชุดเครื่องเสียงไว้ฟัง ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงถึงจะเป็นไปได้อย่างพวกออดิโอไฟล์ ก็เลยเล่นมันง่าย ๆ ซื้อมินิคอมโปเน้นท์ซะชุดหนึ่งก็หมดเรื่อง
ก็หมดเรื่องจริง ๆ แหละ คือเสียงที่ได้มักจะไม่ได้เรื่องไปด้วยละครับ

เอาละ............ ถ้าเราจะมาเริ่มต้นเล่นเครื่องเสียงกัน จะต้องมีการติววิชานี้กันแบบเรียนลัดสักเล็กน้อย ขอให้ยึดปรัชญาหลักเอาไว้เสมอ เรียกว่าท่องให้ขึ้นใจเอาไว้ว่า ไฮฟิเดลิตี้ (HIFIDELITY) นั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่แม้แต่นักเล่นเซียนเครื่องเสียงยังเลือนลืมเมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็เลยเข้าทำนองนักขี่ม้าตกม้าตาย คำที่ว่านี้ หมายถึง
"ความสมจริง หรือใกล้เคียงความเป็นจริงอย่างยิ่ง"

นั่นก็คือ การเล่นเครื่องเสียงก็เพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงดนตรีธรรมชาติแท้จริง ด้วยการย่อส่วนเวทีคอนเสิร์ตมาอยู่ในห้องฟังหรือในบ้านอย่างเหมาะสม เอากันแค่ใกล้เคียงที่สุด อย่าไปหวังให้มันเหมือนดนตรีจริง เพราะชุดเครื่องเสียงราคา 3 ล้านบาท ยังทำไม่ได้เลย การเล่นเครื่องเสียงเพื่อให้ใกล้เคียงดนตรีจริง ๆ นี้แหละทำให้เราต้องแสวงหาเครื่องเสียงที่ดีกันตลอดเวลาไม่มีทางหยุดนิ่ง ความสนุกมันอยู่ตรงนี้เอง ได้สนุกกับความขาด ๆ เกิน ๆ ของการเล่นเครื่องเสียง
อย่างไรก็ตาม จะเล่นเครื่องเสียงกันทั้งที ถ้ายังไม่เคยสัมผัสดนตรีจริง ๆ ละก็ หนทางมันย่อมอยู่ห่างไกล เมื่อเล่นถึงจุดหนึ่งคุณอาจเป็น "นักฟังเครื่อง" ไม่ใช่นักฟังเสียงดนตรีก็ได้ ดังนั้นขอให้เริ่มต้นด้วยการหัดฟังดนตรีจริง จากวงอาร์เคสตราบ้าง ซึ่งจะมีการเปิดแสดงอยู่เสมอที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หรือที่หอประชุมเอยูเอ (ขอรายการล่วงหน้าจากเจ้าของสถานที่ก็ได้) ถ้าคิดว่าการไปฟังดนตรีพวกนี้จะต้องปีนบันไดฟังละก็ ให้ตั้งต้นคิดเสียใหม่ เริ่มจากการชมฟังดนตรีคลาสสิกง่าย ๆ อย่างเช่นสตริงควอเต็ต หรือ แชมเบอร์มิวสิกที่มีนักดนตรีบรรเลงเพียง 4-5 คน เป็นการเริ่มต้น ฟังอย่างไร?

Mcintosh Hi - End

การนั่งฟังดนตรีประเภทนี้ เป็นที่รู้กันว่า เสียงรบกวนต่าง ๆ แทบจะไม่มี เพราะห้องแสดงดนตรีที่พื้นผิวอะคูสติกดีเยี่ยม เหมาะสม และมารยาทในการฟังเขาจะไม่มีการพูดคุยกันจ้อกแจ้กจอแจ หรือฟังดนตรีไปเคี้ยวข้าวโพดคั่วไปเหมือนคนดูหนัง เลือกที่นั่งตรงกลางได้ยิ่งดี คือนั่งให้บาลานซ์ระหว่างเวทีซ้ายขวาฟังดนตรี แล้วลองหลับตาในบางช่วงบางขณะ พอมีสมาชิกสักหน่อยคุณจะพบว่า แม้กระทั่งเราจะมองไม่เห็นชิ้นดนตรีบนเวที แต่เราจะได้รับรู้ว่ามีเครื่องดนตรีอะไรบ้างที่เล่นอยู่ตรงหน้า โสตและสมองจะแยกแยะได้ออก ข้อดีของดนตรีคลาสสิกแบบนี้ก็คือ ไม่มีการใช้เครื่องเสียง ซึ่งมักเป็นตัวทำให้เสียงดนตรีแท้นั้นเพี้ยนหรือเบี่ยงเบนไปจากความเป็นจริงได้
ตอนนี้เรามาสมมติกันว่ามีโอกาสไปฟังดนตรีเครื่องสายแบบตะวันตกบรรเลงในรูปแชมเบอร์มิวสิก (คำว่าแซมเบอร์มิวสิก คือ ดนตรีที่เล่นผสมกันแบบง่าย 4-5 ชิ้น เล่นในห้องโถงที่ไม่ใหญ่มากนัก เมื่อก่อนคือการเล่นของนักดนตรีเอกของโลก เมื่อมาพบปะกันก็เลยถือโอกาสเอาเครื่องดนตรีของตนออกมาแจมกัน มันก็ได้กลายมาเป็นดนตรีแบบแชมเบอร์มิวสิกในเวลาต่อมา) ซึ่งดนตรีชุดนี้จะประกอบด้วย ไวโอลิน 2 (คัน) วิโอลา 1 (คัน) เชลโล 1 (คัน) ไวโอลินจะให้เสียงพื้นฐานของมันในทางแหลมหวาน วิโอลา จะให้เสียงแหลมหวานที่ดูห้าวหรือนุ่มขึ้นมานิดหนึ่ง ในขณะที่เสียงทุ้มก็จะได้จากเชลโลที่จะเป็นเครื่องสีที่ให้เสียงความถี่ต่ำๆ
เมื่อไปฟังดนตรีประเภทนี้ คุณลองดูวิธีการจัดวงว่าเขาเรียงกันอย่างไร

ตามปกติจะเรียงไวโอลินจากซ้ายไปหาวิโอลาตรงกลาง และเชลโลอยู่ขวามือสุดของเวทีดนตรี เมื่อทำการบรรเลง การประสานกันของดนตรีแต่ละชิ้นนั้นแม้จะผสมกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว แต่คุณลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น จะมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ คือ ไอเวอร์โทนของเครื่องดนตรีจะบอกให้เราทราบว่า นั่นเป็นเสียงของเครื่องดนตรีชนิดใด เป็นไวโอลิน วิโอลา หรือเชลโล หลับตาบ้าง เพื่อสังเกตว่าตอนที่มองเห็นกับการไม่มองดูบนเวทีดนตรี เรายังได้เห็นเสียงดนตรีครบขึ้นหรือไม่ พิจารณาความกว้างลึกของเวทีดนตรี (SOUND STAGE) ลักษณะการก้องสะท้อนที่เกิดจากการเล่นดนตรีในห้องโถงนั้น (หอประชุม, คอนเสิร์ตฮอลล์) ว่ามีการก้องสะท้อน (ECHO) การหน่วงเวลา (DELEY) สภาพความเป็นจริงตรงนั้น เมื่อฟังอย่างตั้งใจ เราจะเริ่มเรียนรู้ขั้นต้นว่าดนตรีบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งเจือปนเป็นอย่างนี้นะ แล้วค่อย ๆ ขยับเกรดไปฟังดนตรีที่วงใหญ่ ๆ ต่อไป และอาจจะก้าวไปจนถึงการแสดงสดของดนตรีที่มีการขยายเสียงด้วยเครื่องดนตรี พี.เอ. (PUBLIC ADRESS = เครื่องเสียงในงานอาชีพ) ดูความแตกต่างดนตรีแต่ละประเภท JAZZ, POP, ROCK, LIGHTMUSIC, COUNTRY รวมถึง CLASSIC ที่แนะนำข้างต้นนั้น พิจารณาความแตกต่างหาสิ่งที่คุณชอบฟังด้วย เพราะมันจะกลายเป็นที่มาของสไตล์เฉพาะตัวของคุณเอง
นั่นเป็นข้อแนะนำแบบที่ง่ายอย่างยิ่งไม่ลำบากในการถือปฏิบัติ และจะมาเอื้อประโยชน์ให้เราวันข้างหน้า ดีกว่าการหลับหูหลับตาเดินเข้าไปในร้านเครื่องเสียง ไปถูกร้านค้าเชือด
จะยกตัวอย่างของตัวผู้เขียนเองนี่แหละ ได้ห่างเหินการฟังดนตรีคลาสสิกแบบบรรเลงด้วยวงออร์เคสตราไปนานเกือบปี มัวแต่หลงทางหาซื้อเครื่องเสียงลำโพง ที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดมาฟังอย่างครึ้มอกครึ้มใจ อยู่มาวันหนึ่งได้มีโอกาสฟังการเดี่ยวไวโอลินของนักดนตรีมือหนึ่ง เสียงติดหูมาจนถึงบ้าน รีบมาเปิดชุดเครื่องเสียงฟัง อะไรกันนั่น เสียงไวโอลินจากลำโพงที่แพง ๆ เรือนแสน ทำไมมันผิดความเป็นจริงขนาดนั้น พอไปยกลำโพงราคาสามหมื่นบาทมาเปลี่ยน เป็นลำโพงที่เคย "เซ็ง" กับมันมาตลอด ค่าที่ว่าเสียงมันออกจืด ๆ เรียบ ๆ ปรากฏว่าลำโพงคู่นี้กลับให้เสียงที่เหมือนดนตรีจริง ๆ อย่างที่ฟังในเวทีคอนเสิร์ตมากกว่า ดังนั้นใครที่คิดว่าของแพงแล้วจะดีหรือถูกต้องนั้นไม่จริงเสมอไป บางทีมันก็ลากหูเราไปตามใจอยากมากกว่าแสวงหาความจริง
การเล่นเครื่องเสียงนั้น บางคนอาจจะควักกระเป๋าสตางค์สักเท่าไร ๆ ก็ไม่เดือดร้อน แต่เครื่องเสียงนี่มันไม่เหมือนซื้อข้าวปลาอาหารหรือของอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ซื้อหมูหนึ่งกิโล ราคา 70 บาท ซื้อสองกิโลมันก็ 140 บาท ได้ปริมาณเพิ่มขึ้นเห็นชัด ๆ แต่การเปลี่ยนเครื่องเสียง ถ้าจะให้เสียงดีกว่าชุดเดิม สมมติหนึ่งเท่าตัวอาจจะต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น 10-20 เท่า อย่าได้เอาสูตรคณิตศาสตร์มาใช้กับการเล่นเครื่องเสียงเด็ดขาดทีเดียว เพราะเครื่องเสียงไม่สามารถคำนวณด้วยสูตรตัวเลข และเรื่องราวที่เขียนบอกเล่ามาข้างต้นจนถึงบรรทัดนี้ ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าเครื่องเสียงประเภทมินิคอมโปเน้นท์นั้นไม่มีวันเป็นชุดเครื่องเสียงชุดหลักในอุดมคติได้เด็ดขาด เป็นได้อย่างดีก็เพียงชุดเครื่องเสียงชุดที่สองของบ้านเท่านั้น เพราะความห่างไกลจากคำว่า ไฮ-ฟิเดลิตี้นั่นเอง (ฟังจนหนวดหงอก เสียงก็ไม่สมจริงสักที)
ศัพท์คำว่าไฮไฟ (HIFI) นั้น เรามักจะพบกันค่อนข้างบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในการเล่นเครื่องเสียงที่เป็นเรื่องที่พบเสมอ ๆ อยู่แล้ว เพราะได้มาจากคำว่า HIGH FIDELITY หรือ HIFI-DELITY นั่นเอง
ส่วนศัพท์อีกคำหนึ่งที่ว่า สเตอริโอ (STEREO) ก็มักจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ คำนี้หมายถึงการรับรู้ด้วยประสาทการรับฟังทั้งคู่มีซ้าย-ขวา คนที่เริ่มสนใจเครื่องเสียงใหม่ ๆ มักจะเรียกการเล่นเครื่องเสียงว่าเล่นเครื่องสเตอริโอ แล้วก็เข้าใจว่าสเตอริโอ คือ เสียงทุ้มที่ดังตูม ๆ นั่นเอง ก็เลยหลงทิศผิดทางกันมาได้เรื่อย ๆ เป็นเหยื่อให้ผู้ขายบางกลุ่มเข้าปล้นเงินในกระเป๋าทางอ้อม บางคนตามเล่นเครื่องเสียงไม่ไหว เพราะมีรุ่นใหม่เรื่อย ๆ พาลท้อใจเลิกเล่นมันไปเสียเลยก็มี หันไปฟังซาวด์อะเบาต์มันกว่า ว่างั้นเถอะ
Mark Levinson No37
ที่จริงการเล่นเครื่องเสียง ขอให้หาโอกาส มีประสบการณ์ฟังดนตรีจริง ๆ เทียบกับเครื่องเสียงที่ดี ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ จะค่อย ๆ เข้าใจเองแล้วจะหายข้องใจว่า ทำไมคนเล่นระดับออดิโอไฟล์เขาถึงต้องเล่นเครื่องเสียงแยกชิ้น แทนที่จะเล่นคอมโปรวมชิ้น (ทุกอย่างครบในเครื่องเดียว) และทำไมเครื่องเสียงยี่ห้อดัง ๆ แพง ๆ อย่าง มาร์ค ลีวินสัน, เชลโล, แม็คอินทอช, แอคคิวเฟส ฯลฯ (MARK LEVINSON, CELLO, McINTOSH, ACCUPHASE) จึงเป็นที่ใฝ่ฝันและปรารถนากันนัก ถึงจะแพงแค่ไหนก็พยายามกัดฟันซื้อหามาเล่น แน่นอนว่า เครื่องเสียงประเภทแยกชิ้นนั้นเมื่อจัดผสมกันจนครบสูตรแล้ว เสียงที่ได้มันจะเข้าข่ายไฮฟิเดลิตี้ค่อนข้างแน่นอน
แต่วิธีการผสมชุดนี่แหละเป็นเรื่องยากต้องค่อย ๆ เรียนรู้ไป !

ระดับความดัง เล่นเครื่องเสียง ซึ่งอยากให้ทำความเข้าใจกันก่อนที่จะก้าวไปเรียนรู้เรื่องอื่นๆ เมื่อเราฟังดนตรีจริง ๆ นั้น มีระดับความดังอยู่ในระดับหนึ่งมีความดังเท่าดนตรีจริง ๆ แต่สามารถจัดชุดเครื่องเสียงให้มีเสียงเครื่องเสียง จะดีกว่าของจริงก็ตรงที่สามารถฟังในระดับความดังขนาดไหนก็ได้ตามความพอใจ เปิดให้มันเบา ๆ หรือฟังแบบยกวงดนตรีมาวางตรงหน้าก็เร่งระดับความดังขึ้นไปมาก ๆ จะเอาให้ถึงกับเพื่อนบ้านเจริญพรก็ยังได้ ขึ้นกับว่าจะฟังเครื่องเสียงแบบพักผ่อนหรือแบบหาเรื่อง แบบที่วัยรุ่นเขาแต่งรถซิ่งกัน ก็ยัดเครื่องเปิดอัดแข่งกันให้มันหนวกหูตายกันไปข้างหนึ่ง ในที่นี้ จะเน้นเฉพาะการฟังเพื่อไฮฟิเดลิตี้เท่านั้น ในตารางประกอบนี้คือระดับความดังที่นักเล่นเครื่องเสียงควรทราบเอาไว้
เรื่องของระดับความดังนี้ หน่วยวัดที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ เดซิเบล (DB = DECIBEL) ซึ่งวิธีการวัดระดับความดังนี้ ที่ระดับศูนย์ดีบี (0 DB) นั้น มาจากการวัดที่ความเข้มของเสียงขนาด 0002 ไดน์ ต่อตารางเซนติเมตร ระดับความดังสูง ๆ ขนาดที่ทำให้แก้วหูแตกหรือพิการ อย่างเช่นเสียงระเบิดที่ดังขึ้นใกล้ ๆ หูนั้น จะมีความดังถึง 140 เดซิเบล เป็นความดังที่ทำให้หูพิการตลอดชาติ และเรื่องที่น่าตกใจ คือ ปัจจุบันสถานบันเทิงจำพวกดิสโกเธค ผับบางแห่ง มีความดัคงที่ใกล้เคียงจะทำให้หูหนวกได้เหมือนกัน แม้กระทั่งความดังในท้องถนนของกรุงเทพมหานคร ก็เริ่มอยู่ในระดับอันตรายสูงสุดแล้ว
ระดับความดัง จะเป็นเครื่องกำหนดให้คนเล่นเครื่องเสียงต้องทราบว่า เสียงรบกวนในธรรมชาติทั่วไปนั้น มีระดับความดังอยู่ขนาดหนึ่งแล้ว การเปิดเครื่องเสียงให้มีความดังนั้น จะต้องดังมากกว่าระดับเสียงรบกวนในธรรมชาติ เช่น ในห้องฟังทั่วไปมีเสียงรบกวน 50 ดีบีอยู่แล้ว คุณต้องเปิดเครื่องเสียงดังถึง 60 ดีบี จึงไดยินเสียงเพลงจากเครื่องอย่างนี้ เป็นต้น

140 dB ระดับความดังที่ทำให้หูพิการถาวร
130 dB ระดับที่ทำให้หูพิการได้
120 dB เสียงปืนใหญ่ที่ดังใกล้ ๆ
110 dB เสียงดังที่เฉลี่ยในดิสโก้เธค
100 dB เสียงภายในไนท์คลับ, บาร์, แจ๊ซผับ
90 dB เสียงวิ่งของรถสิบล้อ
80 dB เสียงดังจากรถเมล์
70 dB เสียงวิทยุทั่ว ๆ ไป
60 dB เสียงรบกวนการพูดคุยภายในสำนักงานทั่วไป
50 dB เสียงรบกวนในห้องพักผ่อน
40 dB ห้องพักยามดึก
30 dB ดึกสงัด
20 dB เสียงภายในห้องบันทึกเสียงเกรดเยี่ยม
10 dB ห้องแล็ป
0 dB เงียบสนิท

ในบทต่อไปเราจะมาคุยกันถึงเรื่องของเครื่องเสียงในแง่มุมอื่น ๆ เช่น การตอบสนองความถี่ การเล่นเครื่องเสียงแบบแยกชิ้นหรือรวมชิ้นมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร ในชั่วระยะเวลาอีกไม่นานนักก็จะได้มาเจาะลึกเครื่องเสียง ความมัวมนเหมือนเมฆหมอกที่เคยเห็นมาในวงการเครื่องเสียง จะชัดใสขึ้น แล้วคุณจะรู้สึกสนุกกับเครื่องเสียงดนตรี ว่าเราเล่นเครื่องเสียงก็เพื่อการพักผ่อนอย่างเป็นสุขในบ้านอย่างแท้จริง มิใช่เพื่อเหตุผลอื่นใดเลย



เครดิต: คุณ wijit แห่ง http://www.wijitboonchoo.com/
บทความจาก: http://www.leksound.net

บริการต่างๆ

บริการเครื่องเสียงให้เช่า ในงาน คอนเสริต์กลางแจ้ง งานพิธีการต่าง งานอุปสมบท งานแต่งงาน งานเปิดตัวสินค้า 

รับติดตั้ง ระบบเครื่องเสียงในห้องประชุม ระบบเสียงตามสาย ระบบเครื่องเสียงในร้านอาหาร ผับ บาร์
และ คาราโอเกะ

รับติดตั้งเครื่องเสียงติดรถประกาศ เครื่องช่วยสอน เครื่องเสียงพกพา

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554